Group

List of Name

Mr.Jirawat Powasawat
Student ID code 50132792049 Section D4

English for communication be fore

taking this courseThe course 1500103

Suan Dusit Rajabhat University

Mrs.Jiraporn Tanongkongsawad

Student ID code 50132792069 Section D4

English for communication be fore

taking this courseThe course 1500103

Suan Dusit Rajabhat University

Mr.Pakin Jadtavegit
Student ID code 50132792072 Section D4

English for communication be fore

taking this courseThe course 1500103

Suan Dusit Rajabhat University

Mrs.Nattaporn Niemwong

Student ID code 50132792083 Section D4

English for communication be fore

taking this courseThe course 1500103

Suan Dusit Rajabhat University

Mr.Chaiyapol Liangjai
Student ID code 50132792087 Section D4

English for communication be fore

taking this courseThe course 1500103

Suan Dusit Rajabhat University

Simple Sentences

Simple Sentences

1. That’s all thanks to vaccines that have been
tested in clinical studies in which children have
played a major role.

[S: That’s all thanks to vaccines that] [V: have been]

2. There’s great potential to have even more children
participate in research in the future.

[S: There] [V: is]

3. The National Poll on Children’s Health found
parents are more willing to have their children
participate in research when it is encouraged by
their children’s doctor.

[S: The National Poll on Children’s Health found parents]
[V: are more willing to have]

4. Beyond recruiting more participants, pediatric
research faces another challenge

[S: Beyond recruiting] [V: more]

5. The survey was administered to a random sample
of 2,131 adults.

[S: The survey] [V: was]

Complex sentences

Complex sentences

1. Research has led to the creation of vaccines,
many of which have helped eradicate diseases
like diphtheria, polio and small pox.

2. Child has never participated in a research
study is simply because they’ve never been asked.

3. This finding reveals a large gap between the
proportion of parents who want safe medicines for
their children, are those who are willing to have their
children take part in research that could ultimately
produce information about medicines safety.

4. In fact, the report finds that only 30% of parents
are willing to allow their children to participate in
research involving a new medication.

5. To capitalise on that potential, Davis says researchers
need to involve a broader group of doctors in recruiting
and advising children and their parents about research
to increase participation.

Compound sentences

Compound sentences

1. Children participate in research in the future,

but we’re not yet reaching a lot of families .

2. Parents, however, may not realize how pediatric

research has saved lives and helped lives.

3. Authorize increased funding for cutting-edge

pediatric research.

4. Medicines for their children, are those who are

willing to have their children

5. Child to participate in research as a healthy

volunteer and another 36% would consider it if

their child had a particular disease being studied.

Examples of context clues

Examples of context clues

1. - Parents
Parents, however, may not realize how pediatric
research has saved lives and helped lives.

2. -Diseases
Research has led to the creation of vaccines, many
of which have helped eradicate diseases like diphtheria,
polio and small pox.

3.- Children
FDA-approved medicines for their children,
but only 30% say they will allow their children
to participate in research.

4.- Vaccines
Advances in medicine – new treatments, cures,
vaccines and medicines.

5.- Approved
In contrast, 77% of parents want only FDA-approved
medicines for their children.

Suffixes

Prefix

การวิจัยเกี่ยวกับเด็ก แปลไทย

การวิจัยเกี่ยวกับเด็ก

ความก้าวหน้าทางการแพทย์ทั้งด้านการรักษา การเยียวยาแบบใหม่ วัคซีนและยาที่เกิดขึ้นจากการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการวิจัยทางการแพทย์ที่ต้องเกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ เมื่อใด นักวิจัยก็ต้องเสาะหาผู้ที่จะมาให้ศึกษาอย่างยากเย็น
เหตุผลนะหรือ ในรายงานผลการสำรวจเกี่ยวกับสุขภาพเด็กของโรงพยาบาลเด็กซีเอสมอทแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยว่า พ่อแม่หลายคนส่วนใหญ่จะไม่เต็มใจที่จะให้ลูก ๆ มาเป็นตัวอย่างให้ศึกษาวิจัยทางการแพทย์ด้วยเกรงว่าเด็กอาจเป็นอันตรายหรือเป็น “หนูทดลอง”

ที่จริงแล้วรายงานพบว่าเพียง 30% ของพ่อแม่เต็มใจให้ลูกมาร่วมในการทดลองเกี่ยวกับการให้ยาชนิดใหม่
ตรงกันข้าม 77% ของพ่อแม่ต้องการยาที่เอฟดีเอเห็นชอบแล้วเท่านั้น ผลที่พบนี้แสดงให้เห็นความแตกต่าง ของสัดส่วนของจำนวนพ่อแม่ที่ต้องการยาที่ปลอดภัยสำหรับลูกของตนกับจำนวนพ่อแม่ที่เต็มใจให้ลูกเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยที่ในที่สุดก็อาจจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาได้
“เรารู้ว่าพ่อแม่อาจเป็นกังวลที่จะให้ลูกมาเป็นตัวอย่างให้ศึกษาในการวิจัยทางการแพทย์ซึ่งก็มีเหตุผล” นายแพทย์ แมทธิว เอ็ม. เดวิส ผู้อำนวยการการสำรวจแห่งชาติของอเมริกาเกี่ยวกับสุขภาพเด็กกล่าว “อย่างไรก็ตามพ่อแม่อาจไม่ตระหนักว่าวิจัยเกี่ยวกับเด็กได้ช่วยให้เด็กรอดชีวิตและช่วยเด็กไว้ได้มากมาย การวิจัยได้นำไปสู่การคิดค้นวัคซีนหลายอย่าง ซึ่งได้ช่วยกำจัดโรคภัยต่าง ๆ เช่น คอตีบ โปลิโอ และฝัดาษ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะวัคซีนที่ได้ทดลองมาแล้วในการวิจัยทางคลีนิกซึ่งเด็ก ๆ มีบทบาทสำคัญ

“พ่อแม่ แพทย์และผู้อุทิศตนอื่นๆ ในชุมชนต้องช่วยกันทำให้เกิดการพูดคุยกันถึงความสำคัญของการวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพเด็ก และต้องมีการให้ทุนวิจัยเกี่ยวกับเด็กให้มากขึ้นเพื่อประกันว่าจะมีความก้าวหน้าในการรักษาและป้องกันโรคในเด็ก” เธอกล่าว
การสำรวจแห่งชาติของอเมริกาเกี่ยวกับสุขภาพเด็กพบว่า
- 77% ของพ่อแม่ต้องการยาที่เอฟดีเอยอมรับแล้วเท่านั่นสำหรับลูกของตน แต่มีเพียง30% กล่าวว่าจะยอมให้ลูกเข้ามาเป็นตัวอย่างให้ศึกษาวิจัย
- พ่อแม่หลายคนเต็มใจที่จะให้ลูกมารับการทดลองถ้าการเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายที่ไม่มาก
- 92% ของพ่อแม่ไม่เคยได้รับการขอให้ลูกมาเป็นตัวอย่างให้การศึกษาวิจัย
อย่างไรก็ตาม รายงานก็ได้ให้ความหวังกับนักวิจับมากทีเดียว เพราะว่ามี 25% ของพ่อแม่ที่สำรวจกล่าวว่าจะ
ยินยอมให้ลูกมาให้ศึกษาวิจัยในฐานะเด็กสุขภาพดี และอีก36%จะตัดสินใจเมื่อลูกเป็นโรคที่กำลังศึกษาอยู่พอดี
ที่น่าสนใจที่สุดก็คือพ่อแม่ส่วนใหญ่กล่าวว่าเหตุผลที่ลูกของตนไม่เคยมาเป็นตัวอย่างให้ศึกษาวิจัยก็เพียงเพราะว่าไม่เคยมีใครมาขอ
“มีความเป็นไปได้มากที่จะได้เด็กๆ มาเป็นตัวอย่างให้ศึกษามากขึ้นในอนาคต แต่เรายังไม่ได้เข้าถึงครอบครัวอีกมากมายที่จะรู้สึกสบายใจที่จะให้ลูกๆ มาเป็นตัวอย่างให้ศึกษาวิจัย” เดวิส รองศาสตราจารย์ด้าวเกี่ยวกับเด็กทั่วไปและยาใช้ภายในที่คณะแพทย์ศาสตร์ยู-เอ็ม และรอง ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะที่คณะสาธารณะสุขศาสตร์ยู-เอ็มเจอรัล อาร์.ฟอร์ด อธิบาย
เพื่อเน้นความสำคัญของศักยภาพนี้ เดวิสกล่าวว่านักวิจัยต้องใช้กลุ่มแพทย์ที่ใหญ่ขึ้นในการหาเด็กมาเป็นตัวอย่างในงานวิจัยและแนะนำให้เด็กและพ่อแม่เข้าใจเกี่ยวกับงานวิจัย เพื่อให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในการวิจัยมากขึ้นการสำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับสุขภาพเด็กพบว่าพ่อแม่จะเต็มใจมากขึ้นที่จะให้ลูกเข้าไปมีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยถ้าแพทย์ประจำตัวเด็กกระตุ้น
นอกจากการหาผู้ที่จะเข้ามาร่วมโครงการ นักวิจัยเกี่ยวกับเด็กยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอีกอย่างหนึ่งคือ แหล่งเงินทุน ในขณะที่เด็กๆ มีจำนวนเป็น 20% ของประชากรอเมริกัน แต่มีเพียง 5% ของเงินทุนจากการวิจัยเกี่ยวกับโรคในเด็ก

ในความพยายามที่จะเพิ่มทุนรัฐบาลในการทำวิจัยเกี่ยวกับเด็กเมื่อเร็วๆ นี้โรงพยาบาลเด็กซีเอสมอทจึงได้เข้าร่วมกับสมาพันธ์ที่ประกอบด้วยสถาบันวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับเด็กชั้นนำของประเทศเพื่อนหนุนแนวทางใหม่ที่จะชูประเด็นของการให้ทุนสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับเด็กที่น้อยเกินไปของรัฐบาลกลาง
เมื่อเร็วๆนี้ สมาพัทธ์ซึ้งได้แรงหนุนจากสมาคมวิจัยเกี่ยวกับเด็กหลักๆ ในอเมริกา ได้ผนึกกำลังสนับสนุนกฎหมายการจัดตั้งการวิจับเกี่ยวกับเด็ก กฎหมายนี้เขียนให้ครอบคลุมทั้งการเพิ่มทุนเพื่อสร้างแต้มต่อสำหรับการวิจัยด้านนี้และยังได้ร่างโครงสร้างใหม่เพื่อทำให้การวิจัยด้านโรคของเด็กเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
ในการรายงานผล การสำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับสุขภาพเด็กได้ใช้ข้อมูลจากการสำรวจออนไลน์ที่จัดทำในเดือนธันวาคม 2550 และเดือนมกราคม 2551 ที่ทำร่วมกับเครือข่ายความรู้อิงก์ การสำรวจได้สุ่มตัวอย่างผู้ใหญ่ 2131 คน ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ที่เป็นสมาชิกกลุ่มความรู้ออนไลน์ไอเอสเอ็มของเครือข่ายความรู้นี้ กลุ่มตัวอย่างนี้ได้นำมาปรับน้ำหนักเพื่อให้สะท้อนภาพประชากรของอเมริกาที่ได้จำนวนมาจากสถาบันการสำรวจประชากรประมาณสามในสี่ของกลุ่มตัวอย่างเป็นครัวเรือนที่มีเด็ก

Researching Children แบบEnglish

Advances in medicine – new treatments, cures, vaccines and medicines – are driven by research involving human. But when it comes to medical research that requires children to be involved, researchers often struggle to find participants.

The reason? Many parents are often unwilling to allow their children to take part in medical research, fearing that they may be harmed or use as “guinea pigs”, according to a report released recently by the University of Michigan C.S. Mott Children’s Hospital National Poll on Children’s Health.
In fact, the report finds that only 30% of parents are willing to allow their children to participate in research involving a new medication. In contrast, 77% of parents want only FDA-approved medicines for their children. This finding reveals a large gap between the proportion of parents who want safe medicines for their children, are those who are willing to have their children take part in research that could ultimately produce information about medicines safety.

“We know that parents, quite reasonably, may be concerned about having their children participate in medical research.” says Dr. Matthew M. Davis, director of the US National Poll on Children’s Health. “Parents, however, may not realize how pediatric research has saved lives and helped lives. Research has led to the creation of vaccines, many of which have helped eradicate diseases like diphtheria, polio and small pox. That’s all thanks to vaccines that have been tested in clinical studies in which children have played a major role.”

Clinical trials during the past 30 years are also responsible for improved survival rates for many common childhood cancers, says Dr. Valerie Castle, chair of the Department of Pediatrics and the Ravitz Foundation Professor of Pediatrics and Communicable Diseases at the U-M Health System.

“Parents, physicians and other advocates in the community must encourage a discourse on the importance of research on child health, and improved funding for pediatric research, to ensure more progress can be made in treating and preventing childhood diseases,” she says.

The US National Poll on Children’s Health finds :
- 77% of parents want only FDA-approved medicines for their children,

but only 30% say
they will allow their children to participate in research.
- Many parents are willing to consider children’s participate in research if the risk of harm is small.
- 92% of parents have never been asked to have their children participate in research.
The report, however,

does reveal some very promising results for researchers : 25% of parents
polled indicated that they would consider allowing their child to participate in research as a healthy volunteer and another 36% would consider it if their child had a particular disease being studied.
Most notably, the majority of parents say that the reason their child has never participated in a research study is simply because they’ve never been asked.

“There’s great potential to have even more children participate in research in the future, but we’re not yet reaching a lot of families who would be comfortable with having their children participate in research,” explains Davis, associate professor of general pediatrics and internal medicine at the U-M Medical School, and associate professor of public at the U-M Gerald R. Ford School of Public Health.
To capitalise on that potential, Davis says researchers need to involve a broader group of doctors in recruiting and advising children and their parents about research to increase participation. The National Poll on Children’s Health found parents are more willing to have their children participate in research when it is encouraged by their children’s doctor.
Beyond recruiting more participants, pediatric research faces another challenge : funding. While children make up 20% of the US population, only 5% of the funding from the US National Institutes of Health is allocated for research on pediatric diseases.
In an effort to increase government funding of children’s research, C.S. Mott Children’s Hospital recently joined a coalition made up of the nation’s leading pediatric medical research institutions to support a new approach to the address the continued under-funding of federal support for pediatric research.

The coalition – which has the support of all the major pediatric research societies in the US – recently lined up behind a bill called the Pediatric Research Establishment Act. The bill is designed to not only authorize increased funding for cutting-edge pediatric research, but also create a new structure to maximize the efficiency and effectiveness of pediatric disease research.
For its report, the National Poll on Children’s Health used data from a US online survey conducted in December 2007 and January 2008 in collaboration with Knowledge Networks Inc. The survey was administered to a random sample of 2,131 adults, ages 18 and older, who are a part of Knowledge Network’s online Knowledge Panel SM. The sample was subsequently weighted to reflect US population figures from the US Census Bureau. About three-fourths of the sample were households with children.